สายพันธุ์ต่างๆ


เหลืองหางขาว


ไก่ชนพระนเรศวรมหาราช
ความเป็นมา

ไก่ชนพระนเรศวรมหาราช เป็นไก่ชนตามประวัติศาสตร์ซึ่งปรากฏอยู่ในพงศาวดาร เมื่อครั้งที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงพำนักอยู่ในกรุงหงสาวดี ประเทศพม่า พระองค์ทรงนำไก่เหลืองหางขาวไปจากเมืองพิษณุโลก เพื่อนำไปชนกับไก่ของพระมหาอุปราชา เป็นไก่ชนที่มีลักษณะพิเศษมีความเฉลียวฉลาดในการต่อสู้  จึงชนชนะ จนได้รับสมญาว่า "เหลืองหางขาว ไก่เจ้าเลี้ยง" ซึ่งสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดพิษณุโลก ได้ศึกษาค้นคว้า และทำการส่งเสริมเผยแพร่ โดยจัดประกวดครั้งแรกขึ้นเมื่อ 29 กรกฎาคม 2533 และในปี 2534 ได้จัดตั้ง ชมรมอนุรักษ์ไก่ชนพระนเรศวรมหาราชขึ้นที่ ตำบลหัวรออำเภอเมืองจังหวัดพิษณุโลกโดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลกจนถึงปี 2542 ได้จัด ตั้งกลุ่มอนุรักษ์และพัฒนาพันธุ์ไก่ชนพระนเรศวรมหาราชขึ้นทุกอำเภอ รวม 12 กลุ่มเพื่ออนุรักษ์และพัฒนาสายพันธุ์ให้คงอยู่ เป็นสมบัติคู่ชาติตลอดไป
แหล่งกำเนิด
ไก่ชนพระนเรศวรมหาราช เป็น ไก่ชนสายพันธุ์เหลืองหางขาว และ เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปแล้วว่า มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่จังหวัดพิษณุโลกจนถึงขณะนี้ ไก่ชนพระนเรศวรมหาราช นับว่าเป็นของดีของจังหวัดพิษณุโลก และ เป็นสมบัติของชาติไทย ที่กำลังได้รับความสนใจ กันอย่างแพร่หลายทั่วประเทศ ดังนั้น เพื่อให้การอนุรักษ์ และ พัฒนาสายพันธุ์ ไก่ชนพระนเรศวรมหาราช ไก่ชนพระนเรศวรมหาราชดำเนินไปในทิศทางเดียวกันคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์และลักษณะประจำพันธุ์ที่แน่นอน สำนักปศุสัตว์จังหวัดพิษณุโลกจึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานพันธุ์ไก่ชนพระนเรศวรมหาราชขึ้นเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2542 ดังต่อไปนี้ สายพันธุ์ เหลืองหางขาว เพศผู้ มีน้ำหนักตั้งแต่ 3 กิโลกรัมขึ้นไป สูงตั้งแต่ 60 เซนติเมตรขึ้นไป(วัดจากใต้ ปากล่างตั้งฉากถึงพื้นที่ยืน) เพศเมีย มีน้ำหนักตั้งแต่ 2 กิโลกรัมขึ้นไป สูงตั้งแต่ 45 เซนติเมตรขึ้นไป
ไก่ชนพันธุ์เหลืองหางขาว มีลักษณะเด่นๆ พอที่จะสังเกตได้ดังนี้
  • สี ออกเหมือนดอกโสน ขาวอมแดง ขาวอมเหลือง
  • ปาก ปากใหญ่ขาว คือ ปากสีขาวอมเหลืองหรือสีงาช้าง ปากยาวอวบใหญ่คล้ายกับปากนกแก้ว มีร่องน้ำเห็นได้อย่างชัดเจน ตรงกลางนูนเป็นสันราง ตา ตาขาวจะมีเส้นสีแดงๆ เรียกว่าตาเพชร ตาเป็นลักษณะตาเหยี่ยว หัวตาแหลม ตาดำคว่ำ เล็กหรี่ รอบตาดำสีขาวอมเหลือง หาง ขนหางกระรวยมีสีขาว พุ่งออกยาวมองเห็นได้เด่นชัด ถ้ายิ่งขาวและยาวมากๆ จะดีมาก ขนหางควรพุ่งตรงและยาว ปลายหางโค้งตกลงเพียงเล็กน้อย ขาแข้งและเดือย มีสีขาวอมเหลือง เป็นสีเดียวกับปาก เกล็ดมีลักษณะแข็งและหนาแน่นเรียบ เดือยใหญ่แข็งแรง นิ้วยาว เล็บสีขาวอมเหลืองทุกเล็บ ไม่มีสีอื่นๆปนเลย
  • หงอน ด้านบนของหงอนจะบาง เรียบ ปลายหงอนยาวเลยตา โคนหงอนที่ติดกับหนังศรีษะหนาแน่น อาจมีลักษณะเป็นหงอนแจ้ หงอนหิน หงอนบายศรี
  • ตุ้มหู จะมีสีแดงสีเดียวกับหงอน ไม่มีสีขาวเลย ตุ้มหูมีขนาดเล็ก รัดรับกับใบหน้า ไม่หย่อนยาน
  • เหนียง เล็ก รัดติดกับคาง ไม่ยานหรือไม่มีเหนียง
  • รูปหน้า เล็ก แหลม ยาว มีเนื้อแน่น ผิวหน้าเรียบเป็นมัน กะโหลกศรีษะหนาและยาว
  • อก อกไก่จะแน่นกลม มีเนื้อเต็ม กระดูกอกหนา ยาว และตรง 
    หลัง เป็นแผ่นกว้าง มีกล้ามเนื้อมาก มองดูแล้วเรียบตรง ไม่โค้งนูน
  • ไหล่ ตั้ง ยกตรง มีความกว้างพอสมควร
  • คอ ยาว ใหญ่ กระดูกข้อถี่
  • ปั้นขา จะใหญ่แข็งแรง มีเนื้อมาก กล้ามเนื้อแน่น
  • สร้อยคอ เหลือง หรือเหลืองแกมส้ม สร้อยคอยาวต่อกับสร้อยหลัง
  • สร้อยหลัง เป็นสีเดียวกับสร้อยคอ ควรเรียงกันเต็มแผ่นหลัง เริ่มตั้งแต่โคนคอจนถึงโคนหาง เส้นขนละเอียดยาวเป็นระย้า
  • สร้อยปีก สีเดียวกับสร้อยคอ เรียงกันแน่นเต็มบริเวณหัวปีกจนถึงปีกชัย มองดูเป็นแผ่น
                                            

ประดู่หางดำ


ไก่ชนพันธุ์ประดู่หางดำ มีลักษณะเด่นๆ พอที่จะสังเกตได้ดังนี้
  • ปาก เป็นสายพันธุ์ไก่ชนที่มีปากสีดำ อูมใหญ่ โดยปากจะคล้ายปากนกแก้ว ปากบนมีร่องน้ำทั้งสองข้าง ระหว่างร่องน้ำจะเป็นสันราง
  • ตา ตาสีประดู่ หรือแดงอมม่วง หรือตาออกสีดำ หรือสีแดง
  • หงอน หงอนหินไม่มีจักเลย
  • สร้อยคอ สร้อยคอสีประดู่ยาวประบ่า ปีกใหญ่ยาว สร้อยปีกสีเดียวกับสร้อยคอ สร้อยหลังสีประดู่ยาวระย้าประก้น
  • ขน ขนลำตัวขนปีกและหางสีดำ กะลวยหางดำ โคนขาใหญ่
  • หน้าอก หน้าอกกว้าง และยาวเนื้อเต็มแน่น
  • ขาแข้ง เล็บและเดือย สีดำ
  • เพศเมียสีเดียวกับเพศผู้แต่ไม่มีสร้อย
ไก่ประดู่หางดำ ที่สมาคมอนุรักษ์และพัฒนาไก่พื้นเมือง รับรองพันธุ์มี 4 ชนิด คือ
  1. ประดู่มะขาม ถ้าสีแก่เรียกมะขามไหม้ ลักษณะขนพื้นตัวสีดำ ขนปีก ขนหาง สีดำ ขนสร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยหลังสีประดู่แบบเม็ดมะขามแก่ ปาก แข้ง เล็บ เดือย สีน้ำตาลไหม้(แก่) ตาสีไพล ขนปิดหูสีประดู่
  2. ประดู่แสมดำมะขามไหม้ ลักษณะเหมือนประดู่มะขามทุกอย่าง ยกเว้น ปาก แข้ง เล็บ เดือย และตาสีดำ
  3. ประดู่แข้งเขียวตาลาย ลักษณะเหมือนประดู่มะขาม ต่างกันตรงปาก แข้ง เล็บ เดือย สีเขียวอมดำ ตาลายดำ
  4. ประดู่แดง ลักษณะเหมือนประดู่อื่นทั่วๆไป ต่างกันตรงสร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยหลังสีออกแดง(น้ำตาลแดง) ปาก แข้ง เล็บ เดือยสีน้ำตาล ตาสีแดง
มีไก่ประดู่หางดำอีกชนิดหนึ่ง ลักษณะประจำพันธุ์ไม่แน่นอน พื้นตัวสีดำ ขนหาง ขนปีกสีดำ ขนสร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยหลังสีประดู่เหมือนทั้ง 4 ตัวดังกล่าว แต่ปาก แข้ง เล็บ เดือยสีไม่แน่นอน มีสีดำ สีเขียว สีน้ำตาล ปะปนกันอยู่ และตาก็สีไม่แน่นอน มีสีดำ สีสวย สีไพล สีแดงปะปนกันอยู่ ไก่พวกนี้ถือว่าผสมข้ามพันธุ์มาจากประดู่ทั้ง 4 ชนิด ลูกออกมาจึงผิดเพี้ยนไปจากพันธุ์เดิม ในวงการประกวด ไก่ประดู่หางดำทั่วๆไป ก็อนุโลมอยู่ในพวกไก่ประดู่หางดำแต่เลือดไม่ใช่เฉพาะพันธุ์ การตัดสินการประกวดไก่ประดู่หางดำ ต้องใช้อุดมทัศนีย์ไก่ประดู่หางดำมาพิจารณาทั้ง 4 ตัว และอนุโลมตัวที่ 5 เข้าไปด้วย เป็นไก่ประดู่หางดำทั้งหมดทุกตัวเสมอภาคกัน ส่วนใครจะเหนือ ใครชนะใคร อยู่ที่ความสวยงามทั้ง 5 ของไก่ คือ
  1. หน้าตา
  2. สีสัน
  3. รูปร่าง
  4. เกล็ดแข้ง
  5. กิริยาชั้นเชิง                           ประดู่เลาหางขาว
  6. ไก่ชน ประดู่เลาหางขาว
    ไก่ชนพันธุ์ประดู่เลาหางขาว แหล่งกำเนิด เชื่อว่ามาจากพระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี สุพรรณบุรี สิงห์บุรี กำแพงเพชร มีนบุรี หนองจอก สุโขทัย ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช ประเภท เป็นไก่ชนไทยขนาดกลาง ตัวผู้หนัก 3.00 - 4.00 กก. ตัวเมียหนัก 2.50 - 3.00 กก. สีของเปลือกไข่ เปลือกไข่สีน้ำตาลอ่อน สีของลูกเจี๊ยบ ขนหัว ขนคอขาว ขนหางดำ ปีกในสีดำ ปีกนอกสีขาว หน้าคอ หน้าท้องสีขาว ประวัติความเป็นมา ไม่ทราบแน่ชัดว่ามีความเป็นมาอย่างไร พัฒนามาจากไก่สายพันธุ์ใด ในประวัติศาสตร์ หรือการบันทึกยังไม่พบว่าเกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญท่านใดในประวัติศาสตร์
    รูปร่างลักษณะของประดู่เลาหางขาว
    • รูปร่าง แบบทรงหงส์ ลำตัวยาว ไหล่ยก หางดกยาวเป็นฟ่อนข้าว เดินยืดท่าทางสง่างาม แข้งกลมแบบลำหวาย หน้ากลมยาวแบบหน้านก
    • ใบหน้า กลึงกลมแบบหน้านกเหยี่ยว เหนียงคางรัด
    • ปาก ปากใหญ่ ปลายปากงุ้มสีน้ำตาลอมเหลืองเล็กน้อย ปากมีร่องน้ำลึกทั้ง 2 ข้าง สีน้ำตาลอ่อน
    • จมูก จมูกแบนราบสีเดียวกับปาก รูจมูกกว้าง สันจมูกเรียบ สีเดียวกับปาก
    • ตา ขอบตาเป็นรูปวงรีแบบตาวัว ขอบตา 2 ชั้น นัยน์ตาดำ ตารอบนอกสีเหลืองแก่แบบสีไพล เส้นเลือดสีแดงชัดเจน
    • หงอน หน้าหงอนบาง กลางหงอนสูง ท้ายหงอนกอดกระหม่อม หงอนสีแดงสด พื้นหงอนเรียบ
    • ตุ้มหู ตุ้มหูสีแดงเหมือนหงอน ขนปิดรูหูสีประดู่เลา เหมือนขนสร้อย
    • เหนียง เหนียงเล็กสีแดงเหมือนหงอน รัดติดกับคาง
    • กะโหลก กะโหลกยาวกลมเป็น 2 ตอน ตอนหน้าเล็ก ตอนหลังใหญ่กว่า
    • คอ คอยาวใหญ่โค้งแบบคอม้า กระดูกปล้องคอชิดร่องคอ ขนสร้อยคอขึ้นดกเป็นระเบียบสีประดู่เลา
    • ปีก ปีกยาวใหญ่จรดก้น ขนปีกท่อนในขาวปนดำ ปีกท่อนนอกไชปีกขาว ปีกท่อนในไชปีกขาวปนดำ ปีกแน่นไม่เป็นร่องโหว่
    • ตะเกียบ ตะเกียบแข้งตรง ท้องแฟบรับกับตะเกียบ
    • หาง หางยาวดกเป็นระเบียบ สีขาวปนดำ หางพัดดำปลายขาว หางกะลวยคู่กลางสีขาวปลอด คู่อื่นๆสีขาวปนดำ หางดกยาวเป็นฟ่อนข้าว ก้านหางสีเดียวกับขน
    • แข้งขา ปั้นขาใหญ่ ห่างจากกัน ข้อขามั่นคง ขนปั้นขาสีดำ เป็นแข้งรูปลำเทียน ลำหวาย เกล็ดแข้ง 2 แถวเป็นระเบียบ นิ้วเรียวยาว แข้งสีเดียวกับปาก
    • เกล็ด เกล็ดนิ้ว เกล็ดแข้งเรียงเป็นระเบียบสีเดียวกับปาก
    • นิ้ว นิ้วยาวเป็นลำเทียน ข้อนิ้วมีท้องปลิงหนา
    • เดือย เดือยเป็นเดือยแบบลูกปืน หรือแบบงาช้าง แข็งแรงมั่นคง
    • ขน ขนพื้นตัวสีดำ ขนกะลวยคู่กลางสีขาว คู่อื่นๆสีขาวปลายดำ ขนสร้อยคอ
    • สร้อยปีก และสร้อยหลัง สีประดู่เลา คือโคนสร้อยสีขาว ปลายสร้อยสีประดู่
    • เล็บ มั่นคงแข็งแรง สีเดียวกับเกล็ดแข้งและปาก
    • สร้อย สร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยหลัง สีประดู่เลา คือ ขนสร้อยท่อนล่างสีขาว ท่อนปลายสีประดู่
    • กระปุกน้ำมัน เป็นกระปุกใหญ่ ปลายเดียว
    ประดู่เลามี 4 เฉดสี คือ
    1. ประดู่เลาใหญ่ หรือเรียกอีกชื่อว่าเลาใหญ่พระเจ้า 5 พระองค์ ขนพื้นตัวสีดำ ขนปีก ขนหางเป็นสีดำแซมขาว ขนหางกะลวยคู่กลางสีขาวปลอด คู่อื่นๆสีขาวปลายดำ ที่หัว-หัวปีก-ข้อขา มีกระขาว ขนสร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยระย้า โคนสร้อยสีขาว ปลายสร้อยสีเม็ดมะขามแก่ ปาก แข้ง เล็บ เดือย สีน้ำตาล ตาสีไพล
    2. ประดู่เลาเล็ก ขนพื้นตัวสีดำ ขนปีก ขนหางพัดสีดำแซมขาว ขนหางกะลวยคู่กลางสีขาว คู่อื่นๆสีขาวปลายดำ ขนสร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยหลัง ระย้า โคนขนสีขาว ปลายขนสีเม็ดมะขามแก่ ไม่มีหย่อมกระ ปาก แข้ง เล็บ เดือย สีน้ำตาล ตาสีไพล
    3. ประดู่เลาแดง ขนพื้นตัวสีดำ ขนปีก ขนหางพัดสีดำแซมขาว ขนหางกะลวยคู่กลางสีขาว คู่อื่นๆสีขาวปลายดำ ขนสร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยหลัง ระย้า โคนสร้อยสีขาว ปลายสร้อยสีประดู่แดง ปาก แข้ง เล็บ เดือย สีน้ำตาล ตาสีไพลหรือส้ม
      • ไก่ชนพันธุ์เขียวเลาหางขาว

        ไก่ชนพันธุ์เขียวเลาหางขาว
        ไก่ชนพันธุ์เขียวเลาหางขาว สมาคมอนุรักษ์และพัฒนาไก่พื้นเมืองไทย กำหนดไว้เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2544 ในงานภูมิปัญญาเกษตรกรไทย ณ. อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี
        แหล่งกำเนิด มีแหล่งกำเนิดที่สำคัญอยู่ที่จังหวัดกำแพงเพชร เพชรบุรี สุพรรณบุรี อยุธยา พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และอีกหลายจังหวัดในประเทศไทย สีเปลือกไข่ เปลือกสีขาวอมน้ำตาล ลูกเจี๊ยบหัวขาว หน้าคอ หน้าอกสีขาว สันหลังดำ ปีกในดำ ไชปีกนอกขาว ปาก แข้ง เล็บ เดือย สีขาวอมเหลือง อมน้ำตาล ตาสีขาวอมเหลือง
        ประวัติความเป็นมา ไก่เขียวเลาหางขาวเป็นไก่พันธุ์แท้แต่โบราณ ทราบได้ในสมัยอยุธยา แผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระยาสมุหกลาโหม กำแพงเพชร นิยมไก่เขียวเลาหางขาว และสืบทอดจนถึงปัจจุบัน ชาวกำแพงเพชรกำลังอนุรักษ์ไว้เป็นไก่ประจำจังหวัดกำแพงเพชร
        รูปร่างลักษณะเด่นของไก่เขียวเลาหางขาว
        • รูปร่างลักษณะ เป็นไก่ทรงปลีกล้วย ไหล่หน้าใหญ่ ลำตัวกลมยาว หางยาว ท่าทางสง่างาม ทะมัดทะแมง
        • ใบหน้า ใบหน้ากลมกลึงแบบหน้านกกา
        • ปาก ปากใหญ่มีร่องน้ำสองข้าง ปลายปากงองุ้มเล็กน้อย ปากสีน้ำตาลอมเหลืองเล็กน้อย
        • จมูก จมูกแบบราบ สีเดียวกับปาก รูจมูกกว้าง สันจมูกเรียบ
        • ตา ตาเป็นรูปรีแบบตาวัว เป็นรูปตัววี ขอบตาสองชั้น ดวงตาสีเหลืองอมขาว ประกายตาแจ่มใส
        • หงอน หงอนเล็กเป็นหงอนหิน หน้าหงอนบาง กลางหงอนสูง ท้ายหงอนกอดกระหม่อม สีแดงสดใส
        • ตุ้มหู ตุ้มสีแดง รัดติดหน้าไม่หย่อนยาน รูหูมีขนขาวดำขึ้นรอบๆ และมีขนเขียวปนขาวปิดรูหู
        • เหนียง เหนียงรัดติดคาง ไม่หย่อนยาน สีแดงสดใสเหมือนสีหงอน
        • กะโหลก กระโหลกหัวยาวสองตอน มีรอยไขหัวชัดเจนตามธรรมชาติ
        • คอ คอใหญ่โค้งลอนเดียวแบบคอม้า คองูเห่า กระดูกปล้องคอชิด ร่องคอชิดไหล่ ขนคอขึ้นเป็นระเบียบ สร้อยคอประบ่า
        • ปีก ปีกยาวใหญ่เป็นลอนเดียวไม่โหว่ ไม่รั่ว ไม่ห่าง ขนปีกสีดำสนิท สร้อยหัวปีกสีเขียวเลา
        • สร้อย สร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยหลัง สีเขียวเลา คือ ขนสร้อยท่อนล่างสีขาว ท่อนปลายสีเขียว บางชนิดปลายสร้อยขลิบทอง หรือมีขนขาวขึ้นแซมหรือปลายสร้อยมีกระจุด
        • หาง หางพัดสีดำ หางกระลวยสีขาวปนดำ กระลวยคู่กลางจะขาวปลอด คู่อื่นๆขาวปลายดำ
        • ตะเกียบ ตะเกียบก้นแข็งหนาและตรงชิด
        • แข้งขา ปั้นขาใหญ่ล่ำสันแข้งเรียวกลม ท้องแข้งเป็นสันนูน
        ไก่เขียวเลาหางขาวพันธุ์แท้แต่โบราณมีอยู่ 5 สายพันธุ์
        1. ไก่เขียวเลาใหญ่พระเจ้าห้าพระองค์ เป็นสุดยอดของไก่เลาหางขาวศักดิ์ศรีพอกับไก่เหลืองหางขาวพระเจ้าห้าพระองค์ เป็นไก่พระยาสมุหกลาโหม กำแพงเพชร ขนพื้นตัวสีดำ ขนสร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยหลัง สีเขียวเลา คือ ขนสร้อยท่อนล่างสีขาว ท่อนปลายสีเขียวอมดำแบบสีแมลงภู่ ขนปีกท่อนในสีดำ ท่อนนอกตอนชายปีกสีขาวแซม หางพัดสีดำ หางกระลวยคู่เอกสีขาวปลอด คู่อื่นๆสีขาวปลายดำ ตาสีขาวอมเหลือง ปาก แข้ง เล็บ เดือย สีขาวอมเหลืองอมน้ำตาล ที่หัวปีกสองข้าง ข้อขาสองข้าง มีจุดกระประแป้งสีขาวอยู่เป็นหย่อมประปรายเรียกพระเจ้าห้าพระองค์ แบบไก่เหลืองหางขาวพระเจ้าห้าพระองค์ ถือว่าเป็นไก่สกุลสูงอีกตัวหนึ่ง
        2. ไก่เขียวเลาเล็กหางขาว เป็นรองจากไก่เขียวเลาใหญ่พระเจ้าห้าพระองค์ ขนพื้นสีดำ ขนปีก ขนหางพัดสีดำ หางกระลวยสีขาวปนดำ กระลวยคู่กลางขาวปลอด ขนสร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยหลัง สีเขียวเลาแซมขาว คือ โคนสีขาวปลายเขียวและมีขนขาวขึ้นแซมประปราย ตาสีขาวอมเหลือง ไม่มีหย่อมกระประแป้ง(พระเจ้าห้าพระองค์) ปากแข้งเล็บเดือยสีขาวอมเหลืองแบบเขียวเลาใหญ่
        3. ไก่เขียวดอกเลาหางขาว รองจากเขียวเลาเล็ก เขียวดอกเลาหางขาว ลักษณะอื่นๆเหมือนเลาเล็กหางขาว ตางกันตรงสี ปลายสร้อยเป็นสีเขียวอมน้ำตาล
        4. ไก่เขียวเลาดอกกระ ขนพื้นตัวสีดำ ขนปีก ขนหางพัดสีดำ ขนหางกระลวยสีขาวปนดำ สร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยหลัง โคนขาวปลายเขียว และที่สำคัญที่ปลายสร้อยจะมีจุดกระขาวแบบประแป้งทั่วไป แต่ไม่มีหย่อมกระแบบเขียวใหญ่ ปากแข้งเล็บเดือย สีขาวอมเหลือง
        5. ไก่เขียวเลาสร้อยทอง หรือ เลาขลิบทอง ลักษณะเหมือนเขียวเลาเล็ก แต่ปลายสร้อยจะมีขลิบทองอยู่
        จากลักษณะประจำพันธุ์ 5 ชนิดนี้ จัดว่าเป็นไก่เขียวเลาหางขาวทั้งสิ้น ตามความนิยมที่เรียงไว้
        ลักษณะประจำพันธุ์ไก่เขียวเลาหางขาวเพศเมีย
        • ไก่เขียวเลาหางขาวเพศเมียมีลักษณะเด่นประจำพันธุ์ที่สำคัญ คือ ขนพื้นตัวสีดำ ขนหลังสีเขียวอมดำประจุดขาวเล็กน้อย ขลิบสร้อยคอสีเขียวประขาว ปากแข้งเล็บเดือยสีขาวอมเหลือง ตาสีขาวอมเหลือง จะเป็นเขียวเลาชนิดใด ให้สังเกตที่ขลิบขน ปลายสร้อยคอเหมือนขนสร้อยตัวผู้ชนิดนั้นๆ
                    

      ไก่ชนพันธุ์นกแดงหางแดง


      ไก่ชนพันธุ์นกแดงหางแดงสายพันธุ์ไก่นกแดงหางแดง เป็นไก่พันธุ์แท้แต่โบราณ มีอยู่ทั่ว ๆ ไป แถบภาคกลาง ภาคใต้ และภาคเหนือ ไก่นกแดงที่มีชื่อโด่งดังครั้งสมัยอยุธยาตอนกลาง เป็นไก่ของขุนฤทธิ์ปูพ่าย หรือพระยาศรีไสณรงค์ เจ้าเมืองกาญจนบุรี ทหารเอกแห่งสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และเป็นเพื่อนสนิทของขุนเดชพระเวทย์แสนศึกสู้ หรือพระยาไชยบูลย์ผู้นิยมไก่เขียวหางดำ และไก่นกแดงเช่นกัน อาจารย์พนได้เป็นผู้ให้ข้อมูล ดังนี้
      • รูปร่างลักษณะ ไก่พันธุ์นกแดง มีรูปร่างลักษณะเป็นไก่ทรงปลีกล้วย ลำตัวกลม ไหล่หน้าใหญ่ หางทรงฟ่อนข้าวหรือทรงหางม้า
      • ใบหน้า ใบหน้ากลมกลืนแบบหน้านกกา
      • ปาก ปากใหญ่โคนปากมั่นคง มีร่องน้ำ 2 ข้าง สีปากเหลืองอมแดงรับกับสีแข้ง เล็บ เดือย
      • จมูก จมูกสีเดียวกับปาก รูจมูกกว้าง สันจมูกเรียบ แคมหรือฝาจมูกสีเหลืองอมแดง
      • ตา ขอบตามี 2 ชั้น แบบตาวัว ขอบตาแจ่มใสสีแดง มีเส้นเลือดในดวงตาใหญ่ชัดเจน
      • หงอน เป็นหงอนหิน 3 แฉก โค้งกลางกระหม่อม
      • หู-ตุ้มหู ตุ้มหูรัดไม่หย่อนยาน ขนปิดหูสีแดง สีเดียวกับสร้อยคอ
      • กะโหลก กะโหลกหัวยาว 2 ตอน มีรอยในหัวชัดเจน
      • คอ เป็นรูปคอม้า ปล้องคอชิดแน่น ขนสร้อยคอสีแดงสีเดียวรับกับสร้อยหลังและสร้อยปีก
      • ปีก ปีกใหญ่ยาวเป็นลอยเดียว ไม่ห่างโหว่ ขนปีกสีแดงด้าน ขนสร้อยปีกสีแดงสดสีเดียวกับสร้อยคอ สร้อยหลัง
      • หาง หางพัดสีแดง หางกะลวยสีแดง ก้านหางสีแดง หางเป็นรูปหางม้า กระปุกน้ำมันเดียว
      • แข้ง ขา ปั้นขาใหญ่ล่ำสัน แข้งเรียวกลมแบบลำเทียน ขนปั้นขาสีแดง แข้งสีเหลืองอมแดง รับกับสีปาก
      • เกล็ด เกล็ดแข้ง เกล็ดนิ้วสีเหลืองอมแดง เป็นเกล็ดปัดตลอด มีเกล็ดพิฆาต เช่น เสือซ่อนเล็บเห็บใน ไชบาดาลและอื่น ๆ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง
      • นิ้ว นิ้วเรียวยาวเป็นลำเทียน เกล็ดนิ้วมักแตกมีเกล็ดพิฆาต สีเกล็ดเหลืองอมแดงรับกับแข้ง นิ้วเล็ก นิ้วสีเดียวกับแข้ง
      • เดือย เป็นเดือยงาช้าง สีเหลืองอมแดงรับกับปากและแข้ง
      • ขน ขนพื้นตัว หน้าคอ หน้าท้อง ใต้ปีกสีแดงตลอด ขนพัด ขนกะลวยสีแดง ขนสร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยหลังก้านขนสีแดง เรียกว่าแดงหมดทั้งตัว
      • กิริยาท่าทาง ไก่นกแดงเป็นไก่สกุลเดียวกับไก่ทองแดง ไก่นกกรด มองไกล ๆ ดูคล้าย ๆ กัน เป็นไก่ สกุลสูงอีกชนิดหนึ่ง ท่าทางสง่างามมีชั้นเชิงหลายกระบวนท่า
      ไก่นกแดงหางแดงพันธุ์แท้แต่โบราณมีอยู่ 4 สายพันธุ์
      1. แดงชาด เป็นสีแดงเข้มหรือแดงแก่ดั่งสีชาด ขนพื้นตัวตั้งแต่หน้าคอ หน้าอก ท้อง ใต้ปีก ใต้ก้นเป็นสีแดงเข้ม ขนปีก จนหางพัด หางกะลวย สีแดงเข้มเหมือนสีพื้นตัว ขนสร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยหลัง และขนปิดหูเป็นสีแดงเข้มสดใสเป็นมัน ปาก แข้ง เล็บ เดือย สีเหลืองอมแดง ตาสีแดง
      2. แดงทับทิม เป็นสีแดงสดใส สีอ่อนกว่าสีแดงชาด คล้ายทองแดงใหญ่ ขนพื้นตัวตั้งแต่หน้าคอถึงใต้ท้อง ใต้ปีก ใต้ก้นเป็นสีแดง ขนปีก ขนหางพัด หางกะลวย สีแดงแบบขนพื้นตัว ขนสร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยหลัง ขนปิดหูสีแดงเพลิง ปาก แข้ง เล็บ เดือย สีเหลืองอมแดง ตาสีแดง
      3. แดงเพลิง หรือบางแห่งเรียกแดงตะวัน เป็นสีแดงอ่อนกว่าแดงทับทิมออกไปทางสีแสด หรือแดงอมเหลือง ขนพื้นตัวตั้งแต่หน้าคอถึงใต้ก้นเป็นสีแดง ขนปีก ขนหางพัด หางกะลวย สีแดงแบบขนพื้นตัว ขนสร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยหลัง ขนปิดหูสีแดงเพลิง ปาก แข้ง เล็บ เดือย สีเหลืองอมแดง ตาสีแดง
      4. แดงนาก เป็นสีแดงคล้ำ ๆ แบบสีตัวนาก ขนพื้นตัวตั้งแต่หน้าคอ หน้าอก ถึงใต้ก้นเป็นสีแดงนาก ขนปีก ขนหางพัด หางกะลวยสีแดง ปาก แข้ง เล็บ เดือย สีเหลืองอมแดง ขนสร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยหลัง ขนปิดหูเป็นสีแดงออกมัน ตาสีแดง (ไก่นกแดงที่พบในปัจจุบัน มักจะกลายพันธุ์เป็นพวกแดงหางขาวก้านหางไม่แดง ตาไม่แดง)
      ลักษณะประจำพันธุ์ไก่นกแดงหางแดงเพศเมีย
      ทรงปลีกล้วย ไหล่หน้าใหญ่ท้ายเรียว จับกลมยาว 2 ท่อน หน้าแหลมกลมแบบนกกา ขนพื้นตัว หน้าคอ หน้าอก ใต้ท้อง ใต้ปีก สีแดง ขนหาง หางพัด หางกะลวย สีแดง ก้านหางแดง ขนหลัง ขนสันหลัง สีแดงเข้มกว่าขนพื้นตัวเล็กน้อย ขนคอเหนือขนหลัง แต่ปลายสร้อยขนจะมีขลิบ สีแดงเป็นมันตามเฉดสีตัวผู้ ปาก แข้ง เล็บ เดือย สีเหลืองอมแดง ตา สีแดงเหมือนตัวผู้  
    ขอขอบคุณรูปจากhttps://www.gaichon.com/nokdang.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น